[บทความที่ผมเขียนลงในนิตยสาร E-Commmerce Magazine] การ ใช้ชีวิตออนไลน์บนโลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคและสมัย ของเวลาและเทคโนโลยี จากที่อินเทอร์เน็ตมีไว้เพียงแค่การส่งอีเมล ดาวน์โหลด ท่องเว็บ หรือแชตผ่าน Instant Message ก็เปลี่ยนเป็นการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine แลกเปลี่ยนความเห็นผ่านกระทู้ หรือ ฟอรั่ม เขียนเว็บบล็อก แชร์ภาพถ่าย หลายๆ เว็บไซต์ที่ให้บริการข่าวสารก็เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอเป็นรูปแบบแม็กกาซีนออ นไลน์ มีการแสดงความคิดเห็นผ่านบทความในหน้าข่าว ซึ่งทั้งหมดนี้คือ การสร้างเครือข่ายและแบ่งปันสาระความรู้ผ่าน Web 2.0

เมื่อไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตทั่วไปในโลกไซเบอร์คือการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารผ่านเทคโนโลยี Web 2.0 แล้วไลฟ์สไตล์การทำงานในออฟฟิศอันแสนน่าเบื่อของแต่วันล่ะมันอำนวยความสะดวก สบายได้ไหมการทำงานที่ต้องเซฟไฟล์ลงแฟลชไดร์ฟส่งให้เจ้านายจะมีไวรัสหรือ เปล่า การสั่งพิมพ์เอกสารผิดๆ ถูกๆ ซึ่งลงเอยด้วยการสิ้นเปลืองทรัพยากรออฟฟิศ ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่ใช้ภาย ในองค์กรเราล่ะมันมีจำกัดหรือเปล่า มีอะไรที่จะทำให้ไลฟ์สไตล์การทำงาน ง่ายดายขึ้นโดยไม่ต้องยึดติดกับสิ่งเหล่านี้บ้างไหม

คำตอบมีให้แล้ว

Office 2.0 เป็นแนวทางการทำงานของคนยุคใหม่ที่ชีวิตการทำงานไม่ต้องการยึดติดอยู่ใน ออฟฟิศหรือองค์กร สะดวกสบายเพียงแค่คุณมีเทคโนโลยีที่รองรับการติดต่อสื่อสารที่ดีและร้านกาแฟ ที่มีระบบ Wi-Fi ก็สามารถสร้างบรรยากาศให้เป็นออฟฟิศได้ในพริบตา Office 2.0 เป็นเทคโนโลยีอีกตัวหนึ่งที่เพิ่มขึ้นตามเทคโนโลยีรุ่นพี่อย่าง Web 2.0 แนวคิดหลักของ Web 2.0 คือการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวทีในการ นำเสนอมุมมองและแนวคิดต่างๆ ส่วน Office 2.0 คือการทำงานที่สะดวกสบายขึ้นโดยไม่ต้องสนใจระบบปฏิบัติการและระบบเครือข่าย LAN ในบริษัทคุณ

ประโยชน์ของ Office 2.0 คือ ลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนในการซ่อมแซมและดูแลรักษาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (Support & Maintenance) เพราะระบบปฏิบัติการที่ใช้ซอฟต์แวร์ออฟฟิศจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเวอร์ชั่น เดิมที่ใช้อยู่ให้ใหม่ขึ้นอยู่ตลอดทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษา ซอฟต์แวร์ ดังนั้น เมื่อองค์กรหันมาใช้ Office 2.0 จะเป็นการประหยัดงบประมาณมากขึ้น พนักงานออฟฟิศที่ต้องทำงานในองค์กรที่ใช้ระบบแลนสามารถทำงานร่วมกันอย่างไม่ มีปัญหาและง่ายดายขึ้น ส่วนพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้นั่งทำงานอยู่ในบริษัทหรืออยู่นอกสถานที่ ก็ไม่ต้องเผชิญปัญหาเวอร์ชั่นของเอกสารที่ต่างกันจนเป็นเหตุให้เปิดไฟล์ไม่ ได้อีกต่อไป

ที่สำคัญคือ มีอิสระในการทำงานมากขึ้นเพราะการทำงานหลักของ Office 2.0 ทำงานผ่านบราวเซอร์ เช่น Internet Explorer, Firefox, Opera และอื่นๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลว่า คอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปที่ใช้อยู่ได้อัพเกรดซอฟต์แวร์เพื่อให้รองรับเวอร์ ชั่นของเอกสารแล้วหรือยัง การนัดพบหรือส่งเอกสารนั้นก็สามารถจัดการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทันที Office 2.0 จะประมวลผลข้อมูลบน Remote Website และการจัดเก็บข้อมูลของ Office 2.0 มีรูปแบบพิเศษคือข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บไว้ตาม Remote Location จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องการสิ้นเปลืองเนื้อที่ในคอมพิวเตอร์รวมไปถึง คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ขององค์กร จากมุมมองขององค์กรขนาดเล็กจะเห็นว่า Office 2.0 เป็นการประหยัดงบประมาณได้อย่างดีเยี่ยม

ตัวอย่าง เทคโนโลยี Office 2.0 ที่มีประสิทธิภาพและคุณสมบัติเพียบพร้อมคือ Zoho และ Google Docs สำหรับ Google หลายคนคงผ่านหูผ่านตากับชุดออฟฟิศบนบราวเซอร์ Google Docs ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่บริษัทหรือองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง Google Docs เป็นการเก็บข้อมูลและไฟล์เอกสารบนเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ของ Google ซึ่งหากมองเป็นนัย Google Docs ท้าทาย Microsoft ในเรื่องเวอร์ชั่นของเอกสารออฟฟิศและการบังคับซื้อผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เพราะในขณะนี้ Google และ Microsoft นั้น
ยืนอยู่บนเส้นกั้นที่แตกต่างกันทั้งในแง่ของฐานลูกค้าและผู้ใช้งาน

ตัวอย่าง หนึ่งที่น่าสนใจและใครหลายคนคงเคยใช้บริการกันบ้างแล้วก็คือ Zoho ซึ่งเป็นชุดสำนักงานที่นำชุดการทำงาน หลักของเทคโนโลยี Office 2.0 มาให้ทดลองใช้งานกันอย่างคุ้มค่า พิเศษตรงที่มีลูกเล่นซึ่งเอื้อต่อการทำงานร่วมกับ Microsoft SharePoint ผู้ใช้งานชุดสำนักงานของ Zoho สามารถสร้างเอกสารใหม่และบันทึกไฟล์ผ่าน Microsoft SharePoint ที่สามารถรองรับเอกสารรูปแบบ Microsoft Office โดยที่เราสามารถเปิดไฟล์หรือแก้ไขผ่าน Zoho Application (Zoho Apps) ที่สำคัญ แอพพลิเคชั่นของ Zoho มีหลากหลายรูปแบบ สามารถเข้าไปดูที่ http://www.zoho.com ชุดสำนักงานเด่นๆ ได้แก่ Writer, Projects, Sheet, CRM, Show, Creator, Wiki, Planner, Suite, Notebook,

Chat และ Meeting and Mail ซึ่งชุดสำนักงานดังกล่าวสามารถนำเสนอผ่านหน้าเว็บไซต์โดยใช้บราวเซอร์ในการ เปิดควบคู่กับเทคโนโลยี Web 2.0 ซึ่งแสดงผลแบบไดนามิกทำให้ใช้งานง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานได้ดีนอกจากชุด Zoho Docs แล้ว แอพพลิเคชั่นที่มีทีเด็ดสำหรับนักพัฒนา และถ้าลองใช้จะติดใจทันที ขอแนะนำ Zoho Creator, Zoho CRM ที่เป็นการยกเอาระบบฐานข้อมูล และ โมเดลของระบบ CRM มาใช้ได้ดีทีเดียว

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือทาง ค่าย Microsoft ก็ได้ออก Microsoft Azure ซึ่งเป็น Cloud Service ของค่าย Microsoft โดยการทำงานหลักๆ ก็ยังยึดรูปแบบของการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ หากใครที่คุ้นเคยกับ Skydrive หรือ Bing ของทาง Microsoft แล้ว Azure ก็คือส่วนหนึ่ง เพราะเป็นได้ทั้ง Storage เก็บข้อมูลบนระบบ Azure หรืออุปกรณ์ค้นหาที่เป็นแอพพลิเคชั่นที่ทำงานผ่าน Azure เช่นกัน และถ้าพิจารณาในส่วนที่จะเป็น Office 2.0 แล้ว Azure ก็มีชุดสำนักงานอย่างเจ้า Office Live ให้เรียกผ่าน Live Service API กันได้อย่างสะดวก ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้า SQL Service ที่สามารถ ใช้คำสั่ง Query ชุดข้อมูลออกมาจากฐานข้อมูลผ่าน Service ได้เหมือนใช้ Enterprise Software อย่างเจ้า Microsoft SQL Server ทีเดียว เป็นเพียงข้อมูลขั้นต้น ทั้งนี้หากใครที่สนใจเกี่ยวกับตัว Azure ก็สามารถใช้ บัญชี Live ID ไปสมัครขอใช้ได้ทันทีที่เว็บไซต์

http://www.microsoft.com/azure/register.mspx

ในตอนนี้ Office 2.0 ยังขาดการจัดการในเรื่องความปลอดภัยเพราะยังไม่มีระบบที่ตรวจสอบความเป็น เจ้าของเอกสารอย่างชัดเจนและยังไม่มีวิธีการวัดผลการปลอมแปลงเอกสารที่แน่ นอนและเด็ดขาดได้ แต่ในอนาคตอันใกล้ Office 2.0 น่าจะมีระบบสำหรับช่วยในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความ ปลอดภัยให้กับกลุ่มคนในแต่ละกลุ่มสายงาน

หากวันใดที่เป็นที่ยอมรับกับระบบ Office 2.0 แล้ว ทุกๆ ที่ ตั้งแต่ ร้านกาแฟ, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า หรือ แม้กระทั่งรัฐสภาก็สามารถเป็นออฟฟิศของคุณได้ทันที ขอเพียงแค่คุณมี Netbook เจ๋งๆ กับสถานที่ที่คุณนั่งนั้นมีบริการ Wi-Fi แจ่มๆ ก็เพียงพอ

E-Commmerce Magazine
No.132 ฉบับเดือน ธันวาคม