ในทุกวันนี้หลายองค์กรจะมีต้นทุนหรืองบประมาณในการจัดสรรค์ด้านเทคโนโลยีองค์กรที่น้อยกว่าเดิมไม่ก็อยู่ในวงจำกัด หรือ ไม่ก็ถูกลดค่าใช้จ่ายเพราะหลายเหตุผลอาจจะเพราะพิษเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงวิกฤติมาหมาดๆ แม้ว่าต้นทุนหรืองบประมาณที่น้อยลงมากกว่าปีที่ผ่านมาจะมีตัวเลขเท่าไรนั้นมักจะขัดแย้งกับความต้องการด้านเทคโนโลยี
และ บริการออนไลน์ใหม่ๆ ที่สำคัญวงการด้านไอทีนั้นวิ่งไปข้างหน้าตลอด โลกการแข่งขันของหลายบริษัทจึงต้องพัฒนา โซลูชั่น หรือ บริการด้านไอทีเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของธุรกิจโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดหรือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันของโลกเทคโนโลยี องค์กรทางด้านไอทีล้วนให้ความสำคัญกับ Cloud Computing การประมวลผลกลุ่มเมฆ และ SaaS หรือบริการซอฟท์แวร์ ผู้ให้บริการหรือผู้บริหารด้านเทคโนโลยีองค์กรควรจับโอกาสจากเครื่องมือทั้งสองในการใช้งานให้เป็นมาตรฐานไม่ว่าจะเป็นส่วนย่อยหรือส่วนหลัก ก็ควรใช้โอกาสกับเครื่องมือเหล่านี้ให้เป็นส่วนนึงขององค์กร
หากมองถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในทุกวันนี้แม้ว่าค่า GDP ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2009 จะเติบโตขึ้น ตัวเลขที่ฟ้องนั้นไม่ใช่สัญญาณการขยายตัวทางธุรกิจ แต่กลับเป็นกลไกลที่ทางรัฐบาลจะกระตุ้นค่าใช้จ่ายเท่านั้น ดังนั้นควรจะเริ่มต้นวางแผนการเพิ่มต้นทุนหรืองบประมาณเป็นศูนย์ในปี 2010 นี้จะดีกว่า จะเป็นผลดีและเห็นตัวเลขที่ชัดเจนหากว่าเศรษฐกิจหลังปี 2010 นั้นย่ำแย่กว่าเดิม หรือยังอยู่ในช่วงขาลงอย่างนี้ต่อไปบวกกับแผนกู้เศรษฐกิจของรัฐบาลที่คงจะมีนโยบายออกมาเป็นสาย ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแผนองค์กรของหลายๆบริษัทได้ แม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น หลายองค์กรด้านไอทีในส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้วิธีการจัดสรรเทคโนโลยีโดยต้นทุนที่จำกัดหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่มากนัก หรือบางทีอาจจะเอาทรัพยากรด้านเทคโนโลยีเก่ามาหมุนเวียนใช้งานกับโครงการใหม่ก็เป็นได้
นักบริหารด้านไอที หรือ เทคโนโลยีองค์กร ควรรู้จักพลิกวิกฤติ
เป็นโอกาสในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเพื่อพัฒนาแผนงานให้องค์กร
ขยายตัวและอยู่ตัวอย่างมีประสิทธภาพ
ทั้งด้านประสิทธิภาพในการบริหารคุณภาพของบริการ
การกำหนดมาตรการทางด้านเทคโนโลยีองค์กรและบริการ บริการ Cloud Computing สามารถตอบสนองและน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตอบโจทย์ในเรื่องของวางแผน เพราะการตัดสินใจใช้ cloud computing นั้นสามารถเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจให้แก่ผู้บริหาร ก่อนจะลงมือปรับโครงสร้างองค์กร เสมือนมีการจำลองการทำงานโดยอ้างอิง Cloud Base หรือ SaaS ในเรื่องของ ซอฟท์แวร์พื้นฐานจำพวก CRM หรือ ERP ซึ่งผู้ที่ทำธุรกิจด้านนี้ต้องใช้ค่ายใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงถ้าหากต้องติดตั้ง ดังนั้นการทดลองใช้ผ่าน Cloud Computing จะแก้ปัญหาและช่วยในเรื่องการตัดสินใจปรับเปลี่ยนและพัฒนาธุรกิจที่พูดมาเหล่านั้น
ในด้านของเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ หากมีการนำเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชัน อย่าง เวอร์ชวลไลเซิร์ฟเวอร์ (Server Virtualization) ซึ่งจะเป็นการผนวก Data Center และ Disaster Recovery กับ Load Balancing ซึ่งในปี 2010 นั้นน่าขะมีบทบาทมากขึ้นในโลกของธุรกิจด้านไอที ที่สำคัญนอกเหนือจาก เวอร์ชวลไลเซชันเซิร์ฟเวอร์ แล้วในปี 2010 ที่จะเข้ามาอาจจะมีการทำเวอร์ชวลไลเซชันสำหรับเดสก์ทอป เป็นนวัฒกรรมการทำเวอร์ชวลไลเซซันเดสก์ทอป Virtualize Desktop
คุณพร้อมจะเปลี่ยนหรือยัง?
ปี 2010 นี้วงการไอทีและเศษฐกิจจะเดินไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของทั้งสองสายนั้นต้องเปลี่ยนไปอย่างสอดคล้องเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะพบทางแยก ว่าจะยึดการทำงานแบบเดิมๆการบริหารจัดการองค์กรอย่างที่เป็นมา หรือจะ สร้างโอกาสโอกาสเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนและกำหนดมารฐานใหม่ให้แก่องค์กรนเรื่องการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเป็นการรองรับกลยุทธกับฝ่ายบริหาร ซึ่งผู้เขียนมองในทิศทางของการเปลี่ยนแปลง ควรใช้วิกฤติในการศึกษาและหาช่องทางจังหวะขยายเทคโนโลยีองค์กรให้แข็งแกร่ง และปรับลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่บานปลายให้เหมาะสมก่อนการเปลี่ยนแปลง เพื่อพร้อมรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในอนาคตข้างหน้า