Social Media ทุกวันนี้คือเครื่องมือการทำ Marketing ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกว่าการตลาดเดิม อีกทั้งยังวัดผล KPI ออกมาเป็นตัวเลขได้ชัดเจน อยู่ที่ว่าเราเลือกใช้อะไรมันน่าตลกนะครับที่สุดท้ายแล้วผมต้องกลับมาทำ Digital Marketing เหมือนเดิมหลังจากหยุดไปเป็นสายบริหาร Management, Development และ ครู (ใช่, ไม่ผิดหรอก) แต่วงการแต่ละวงการที่เข้าไปคลุกคลีนั้นก็จะเห็นการทำการตลาดแบบแปลกๆ กัน ยังไงเสียแม้จะเฉยใส่ก็ยังหงุดหงิดใจอยู่ หากคุณคนอ่านเป็นนักการตลาดคุณน่าจะเข้าใจถ้าผมจะเล่าเรื่องต่อไปนี้
นักการตลาดจริงจะต้องเข้าใจ 4 Pillars ของ Buyer’s Journey นั่นคือ
Attract -> Convert -> Close -> Delight
ตามหลักการทำการตลาดใหม่ Inbound Marketing (การตลาดที่ว่าด้วยสื่อ ดิจิตัล)
KPI แรกของการ Spend Budget คือ Attract นั้นคือการทำให้ผู้บริโภครับรู้ว่าแบรนด์ของเรามีตัวตนยังไง มีความหมายยังไง และเมื่อพบเห็นบางสิ่งแล้วคิดถึงแบรนด์ของเรา การตลาดคือการแสดงให้เห็น Character ของแบรนด์เราครับ แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดใจคือหลายๆ องค์กร หลายๆ สื่อ ยังคงเน้นที่ KPI คือ Close นั่นคือ การกรอกข้อมูลสมาชิก, สมัครบัตรเครดิต, กรอกใบสมัคร, บังคับให้จ่ายเงิน สิ่งที่ได้เลยคือ ข้อมูลมหาสารที่กรอกเข้ามาแต่ Verified ไม่ได้, อีเมลสมาชิกมากมายที่เค้าไม่ได้อยากจะเปิดอ่านเมลเราเลยเมื่อเราส่งไป หรือใบสมัคร 7,000 ใบแต่มีคนสนใจจริง 3,000 คน ตัวเลข KPI มันไม่ชัดเจนทันที
คนทำการตลาดรูปแบบี้เค้าข้ามสิ่งที่เรียกว่า Convert (การเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นลูกค้า) ไปอย่างเฉยเมย เช่น เมื่อเค้ารับรู้ เค้าต้องใช้เวลาตัดสินใจ ช่วงตัดสินใจนี่แหละที่เราจะเข้าไปกระทำอะไรบางอย่างเช่นการ Offers สิ่งที่เราเสนอให้เขาเปรียบเทียบจึงจะได้มาซึ่ง Close และ Delight ซึ่งก็ต้องฝากพี่น้องนักการตลาดดิจิตัลช่วยเหลือกันเองแล้วกันนะครับ
บ่นเสียนานมาดูกันหน่อยดีกว่าว่า Social Media ตอนนี้มีเครื่องมืออะไรใหม่ๆ หรือเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้างไหม?
Facebook กับ Instant Articles สำหรับคนทำคอนเท็นต์:
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนเล่น Facebook และ คนทำคอนเท็นต์จะต้องคิดให้มากขึ้นกว่าเก่าคือรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาใหม่ของ Instant Articles ที่ทาง Josh Roberts, Product Manager ของ Facebook ได้ประกาศออกมาว่า Instant Articles นั้นจะเป็นรูปแบบใหม่ที่จะทำให้ Publishers สามารถกระจายรูปแบบของเนื้อหาที่เหมาะกับ UX และ UI ของ Facebook บนสมาร์ทโฟน เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 นี่ผมเองก็ได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในงานอบรมเชิงปฏิบัติการ โดย สมาคมผู้สื่อข่าวออนไลน์ ที่ MCOT อสมท. ในฐานะของวิทยากร บรรยายกับคนทำสื่อดิจิทัลทั้งหลายในแวดวงข่าว เรื่อง Search Engine Optmization และ Search Engine Marketing
คนคลิกลิงก์จากผลการค้นหาที่เป็น Organic Search อยู่ที่ 70% ส่วนที่เป็น Paid Search 30% via @daydev #SEOSEM pic.twitter.com/ckWiq12gNJ
— Kanokporn (Tai) (@MynameTai) February 18, 2016
การบรรยายโยงไปยังเรื่อง Buyer Personas กับ Facebook Instant Articles ด้วยว่ามีหลาย สื่อเริ่มใช้เครื่องมือตัวนี้แบบ Exclusive ไปบ้างแล้ว (ขออนุญาติเก็บเป็นความลับ) กับอีกหลายสื่อกำลังรอการเปลี่ยนแปลงในจุดนี้ ด้วยไอเดียที่ทาง Facebook กำหนดใหม่ด้วยเรื่องของ User Experience และ Tools สำหรับ Publishers ในการนำเนื้อหาขึ้นนั้น เมื่อมองกลับมาทางผู้ผลิตสื่อ รายได้หลักจริงๆ ของ สำนักข่าว หรือเว็บไซต์คือ Ads หรือโฆษณาบนเว็บไซต์ที่มาจาก Traffics, Conversion Rate ที่เกิดจาก Visitors ที่ถูกแปลงมาเป็น Leads พอใช้ตัว Facebook Instant Articles แล้วกลับทำให้ Traffics ของ Ads หายไป และจำนวน Views ที่ลดลงภายใน 2 สัปดาห์จาก Traffics 3 ล้าน เหลือเพียง 1 ล้าน
คล้ายเป็นโมเดลที่เรียกว่าเก็บกินคนเดียว ข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้อาจจะเป็นข้อมูลให้คนทำคอนเท็นต์ได้เอาไปตัดสินใจก่อนแล้วกันเมื่อวันที่มันเปิดตัวจริงนั้นจะเป็นยังไง เพราะสื่อที่ได้ทดลองใช้นั้นอยู่ใน Industry เดียวคือ News หรือข่าวสาร Industry อื่นๆเช่น Travel Agents, Education หรือ Entertainment น่าจะได้ประโยชน์เพราะระบบ Streaming น่าจะเหมาะและตอบโจทย์อยู่พอดู
ลองติดตามข่าวคราวใหม่ๆ จาก Facebook Developers ของเขาเอาได้สำหรับเจ้า Facebook Instant Articles ตัวนี้
Video Metrics ของ Facebook Page Insights:
Facebook ได้ทำการ redesign ตัว report รายงานส่วนของ Videos ที่แชร์บน Page เพื่อข้อมุลเชิงลึกที่ดูละเอียดในแง่ของ Avarage Times บน Event ที่เกิดขึ้นบนวีดิโอ แน่นอนว่าต้องเป็นไฟล์วีดิโอที่อัพผ่าน Facebook เท่านั้นนะครับ หากเอา Link จาก YouTube หรือแหล่งอื่นๆ มาก็วัดผลไม่ได้เช่นเดิม เพราะตอนนี้เค้ากำลังแข่งกับทาง Google กันอยู่
Metrics ใหม่ๆ ของ Video Metrics นั้นประกอบไปด้วย
- Minute Viewed เป็นการเก็บเวลาทั้งหมดของการรับชมวีดีโอที่เราแชร์ตามความยาวของเนื้อหา – ถูกใจ Publishers ทันทีเลยล่ะว่ามีคนดูทั้งหมดเท่าไรแล้ว
- Unique Viewers จำนวนของงคนที่รับชมโดยไม่ซ้ำ
- Views เวลาจำนวนครั้งทั้งหมดที่เปิดรับชมมวีดีโอ
- 10- Second Views ตามชื่อคือ 10 วินาทีมีคนดูหรือไม่สำหรับทำ Call-to-Action เกิดเปิดเนื้อหาเริ่มเรื่องให้น่าสนใจ (เคยเขียนไว้แต่เป็น YouTube) ตัวเลขนี้รู้อยู่แล้วว่าเราควร Optimized วีดิโอของเราให้น่าสนใจยังไงนั่นเอง
- Sound-on Vs. Sound-Off เปรียบเทียบกันไปเลยว่าผู้รับชมเค้าดูวีดีโอเราแบบหนังใบ้ หรือมีเสียง
นอกนั้นก็รายงานตัวเดิมๆ เช่น Organic – Paid (แหมเก็บเงินตลอดเวลานี่เนอะ) กับ Average % Completion ที่เราดูกันอยู่แล้ว
Twitter เปิดตัวเครื่องมือดูแลลูกค้า (Customer Service Tools):
ในส่วนของ Twitter ก็ได้มีการประกาศตัว Customer Service Tools สำหรับดูแลลูกค้า เพื่อบริการด้าน CRM ของแบรนด์ทั้งหลายที่ใช้บัญชี Twitter อยู่ในแง่ของความไว การโต้ตอบจากเดิมคือ Direct Message บน Twitter อย่างบัญชีของ Game of Thrones ที่ปล่อย Trailer Season 5 ใหม่ให้คนที่ Follow ได้ดูก่อนเป็นต้น รอบนี้ Twitter
ได้จัดแจงเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า Customer Tools มาให้ โดยใช้แนวคิดง่ายๆ ว่า “Move from Tweets to Direct Message” เพื่อเป็นการ Offer บางอย่างที่เฉพาะตัวของ Followers หรือ Customers
ไปจนถึงการจัดการในเรื่องของ Crisis Management เช่นเปลี่ยนสถานการณ์การประทะไปประณีประนอมกันใน Direct Message ได้ทันท่วงทีเพื่อลด Negative Sentimental ที่มีต่อแบรนด์
ขายของง่ายขึ้นด้วย #HashTag บน Instagram
ส่วนของ Instagram ก็คือ การเพิ่มบัญชีดูแลได้หลายบัญชี เป็นต้น ไม่มีอะไรแปลกใหม่ อยู่ที่ว่าคุณรังสรรค์เนื้อหา Gallery Show ได้แค่ไหน เพราะตอนนี้ Instagram เหมาะกับการทำ E-Commerce มากกว่าโชว์รูปแล้วบอกไว้ก่อนเลยถ้าไม่รู้ Hashtag ว่า #Inselly พร้อมใส่ราคาไปดูสิ จะมี Market Place ในเว็บ http://inselly.com/ ร้านค้าคุณปรากฏมาเลยล่ะ ง่ายนิดเดียว
เอาเป็นว่า ช่วงนี้ Daydev.com คงเพิ่ม Digital Marketing กลับมาใหม่อีกครั้ง เพราะผมคิดว่ามันคงจะดีถ้า
คนไอทีเข้าใจเรื่องการตลาดสัก 60% และคนการตลาดเข้าใจเรื่องไอทีสัก 60% เช่นกัน