ในโลกของ facebook นั้น การตัดสินใจกดปุ่ม “Like” หรือ “ถูกใจ” บน Fan Page ของสิ่งนั้น หรือบริการนั้นอย่างดีมาแล้ว ซึ่งปกติแล้วการพวกเราผู้ใช้งานเครือข่าย Facebook ทุกคนยอมที่จะกด Like ก็อาจจะแตกต่างในเหตุผล อาจจะเนื่องมาความนิยมชมชอบ ความสะดวกสบายจากบริการของแบรนด์เหล่านั้น ทำให้การตกลงปลงใจเป็น Fan ของ Page สินค้า หรือบริการนั้น ไม่ต่างจากการทำสัญญาในการ Subscription เพื่อติดตามข่าวสาร และ โปรโมชั่นที่บริการ และแบรนด์เหล่านั้นจะจัดให้
ข้อมูลบริการ และแบรนด์ต่างๆ ที่ปรากฏบน News Feed ของผู้ใช้งาน Facebook อย่างพวกเราทุกคนนั้น สามารถรับข่าวสารได้อย่างไม่จำกัดตลอดเวลา สิ่งที่ปรากฏนั้นก็เป็นผลมาจากการตัดสินใจกด Like ของ facebook Fan Page แต่ละหน้า และการกด Like บนข้อความหน้า Wall ของเพื่อนในเครือข่ายของคุณนั่นเอง การมีข้อมูลโปรโมชั่นสินค้า และบริการมากมายให้เลือกดู เลือกใช้ ดูไอเดีย ความคิดมุมมองที่ดี เจ๋งๆ จากเพื่อนของเรา ใช่ว่าจะเป็นข้อดีสำหรับคุณเสมอไป คุณเคยคิดหรือไม่ว่า
“พฤติกรรมการกด Like ของ Fan Page และข้อความของเพื่อนเครือข่ายงานอินเทอร์เน็ตที่ประกอบอาชีพพนักงานในบริษัทต่างๆ นั้น มีอัตราสูงมากในหนึ่งสัปดาห์ประเมินเป็นตัวเลขที่นิ่งไม่ได้แต่ประมาณได้ถึง 76%”
การกด Like ใน Fan Page มากๆ อาจจะทำให้คนคนหนึ่ง หรือพนักงานคนหนึ่งเสียเวลาในการอ่านความเป็นไป และรายละเอียดหน้า News Feed มากขึ้น ในเชิงเศรษฐศาสตร์ถือว่าพฤติกรรมส่วนนี้ทำให้เสียเวลาในการทำงานที่มีจำกัด และเป็นเวลาที่น่าจะสร้างผลประโยชน์แก่ตัวเองและองค์กรไป แต่เจ้าของกิจการอาจจะต้องมีมาตรการควบคุมพฤติกรรมการเล่น facebook ให้เป็นช่วงเวลา แต่ถ้าไม่เปิดโอกาสให้เล่นเลยก็คงไม่ใช่ข้อดีเช่นกัน เพราะไอเดียสร้างสรรค์ แนวคิด และกลยุทธ์ใหม่ๆ บางครั้งหาใน facebook ง่ายกว่าค้นหาผ่าน Google และเดินหาหนังสือตามร้านหนังสือมานั่งอ่าน ดังนั้นส่วนหนึ่งก็คือความรับผิดชอบของตัวผู้ใช้งาน หรือพนักงานที่จะปรับพฤติกรรมการเล่น facebook และเลือกกด Like ให้พอดี ที่อาจจะมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจุดเล็กๆ ไม่สำคัญแต่ใครจะรู้ว่า ปฏิกิริยาที่พูดมาข้างต้นของพฤติกรรมที่เกิดหลังการกด Like นั้นเป็นความจริง
ผลกระทบอีกเรื่องของการกด Like เป็นจำนวนมากทั้งจำเป็น และไม่จำเป็นนั่นคือปัญหาของ ข้อมูลที่ท่วม News Feed ของพวกเรา หรือที่เรียกว่า “Information Overload” การรับข่าวสารมากจนเกินไป จนพลาด และไม่สามารถแยกแยะข่าวสารที่จำเป็นที่สุดของเราออกมาจากกลุ่มข่าวสารได้ พึงคิดไว้ว่าประสิทธิของข่าวสารของคุณที่มีประโยชน์กับคุณจริงๆ นั้นจะปรากฏได้ชัดเจนที่สุด และได้จังหวะที่สุดก็ต่อเมื่อคุณเลือกที่จะรับข่าวสารแต่น้อย และพอประมาณ
ดังนั้นการจะกด Like ใน Page และ Wall ใดๆ อาจจะต้องคำนึงถึง มูลค่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเรามากที่สุด สำคัญกับเรามากที่สุด และไปถึงองค์กรของเราได้ด้วย โดยต้องแลกมูลค่าที่เป็นประโยชน์นี้กับโอกาสในการสร้างรายได้ที่เสียไปจากการเสียเวลาชมข่าวสารบน News Feed หลังจากกด Like หรือพูดง่ายๆ คือ การเลือกข้อมูล Information ที่ดีที่สุดที่คุ้มค่ากับเสียที่เสียไป แต่อย่าลืมกฎของ Information Overload ที่ว่ามูลค่าของข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเรามากที่สุดจะมีประสิทธิภาพลดลงเรื่อยๆ ถ้าหากมีจำนวนการกด Like เพิ่มมากขึ้น ในช่วงแรกๆ ที่เริ่มมี facebook นั้นทุกคนที่อยู่บน เครือข่าย facebook นั้นมักจะทำการกด Like ใน FanPage แบรนด์สินค้า และบริการต่างๆ ที่ต้องการ และสนใจโดยไม่ลังเลด้วยซ้ำ ถือเป็นพฤติกรรมที่คาดเดาได้ไม่ยาก แบรนด์ไหนที่เริ่มใช้ facebook Fan Page ในการทำการตลาดออนไลน์ก่อน ก็จะได้เปรียบในเรื่องของมูลค่าของข้อมูลที่สูงในแง่ความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะเป็นปัญหากับบริษัทที่มาทำ Fan Page ที่หลังที่จะกลายเป็นข้อมูลที่ถูกเปรียบเทียบ หรือเป็นข้อมูลที่ถูกละเลยไป
แต่โอกาสสำหรับการสร้าง Fan Page ใหม่ให้มีคนกด Like แบบมีคุณภาพ และเป็นข้อมูลที่ทรงคุณค่าแก่ผู้สนใจอาจจะไม่ใช่เรื่องยากนัก เพียงแค่ให้ข้อมูล หรือโปรโมชัน ส่วนลดต่างๆ หรือกิจกรรมทางการตลาดที่สนับสนุนความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ Customer Relationship Management (CRM) ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ที่ไม่ได้หมายถึงใครก็ได้เข้าสามารถกด Like โดยไม่รู้ถึงเนื้อหาข้อมูลนั้นหรือไม่นั่นเอง