e-Reader Android OS ที่น่าจับตามอง IDC บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลกได้ออกมารายงานยอดขายของ e-Reader ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยพบว่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วตลาดมีการเติบโตขึ้นถึง 105% และแม้ว่าบ้านเราจะไม่นิยมการใช้งาน e-Reader สักเท่าไหร่ แต่ e-Reader ที่เราเลือกนำมาแนะนำในครั้งนี้นั้นน่าจะเหมาะกับคนไทยไม่น้อย เพราะว่ามันมีความสามารถเทียบเท่ากับแท็บเล็ตดีๆ เครื่องหนึ่งเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะรู้จักเพียงชื่อ Kindle จากค่าย Amazon เท่านั้น แต่ต่อไปนี้ชื่อที่เราจะต้องได้ยินบ่อยขึ้นเวลามีการพูดถึง e-Reader ก็คือ Nook
Nook เป็นเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของ Barnes & Noble หรือ B&N เครือร้านจำหน่ายหนังสือชื่อดังในสหรัฐ โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมก็คือ Nook Color ล่าสุดข้อมูลจาก IDC เจ้าเดิมระบุไว้ว่ายอดขาย Nook Color ได้แซงหน้าเจ้าตลาดอย่าง Kindle ไปเรียบร้อยแล้ว
รูปทรงของ Nook ได้รับการออกแบบโดย Yves Behar ดีไซเนอร์ชื่อดังที่เคยมีผลงานอย่างแล็ปท็อป OLPC XO โดย Nook นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android 2.1 Eclair ซึ่งเราสามารถพอร์ตเอา Android 3.0 Honeycomb มาใส่ใน Nook Color ได้ (จริงๆ แล้วทางบริษัทก็ไม่แนะนำให้ทำ) ฉะนั้น Nook Color จึงมีคุณสมบัติไม่ต่างกับ Android Tablet อื่นๆ เพียงแต่ว่ามันมีราคาที่ถูกกว่ามาก โดย Nook Color มีราคาขายอยู่ที่ 249 ดอลลาร์ กับความจุ 8GB
Nook Color นั้นจะมาพร้อมกับบราวเซอร์และแอพพลิเคชั่นติดมากับเครื่องด้วย โดยเราสามารถเลือกซื้อและดาวน์โหลด Nook Apps ได้ทางสโตร์ของ B&N อีกทั้งยังมี Wi-Fi ในตัว ซึ่งก็ทำให้เราสามารถใช้ในการรับส่งอีเมล์ได้ รวมถึงระบบใหม่ Nook Friends ที่เราสามารถแชร์ความเห็นต่อหนังสือแล้วส่งตรงขึ้นบน Facebook หรือ Twitter ได้เลย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Read to Me ที่จะทำหน้าที่อ่านออกเสียงให้เราได้ฟังกัน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่หนังสือเด็กซะมากกว่า
อีกส่วนหนึ่งที่มีการปรับเปลี่ยนก็คือในส่วนหน้าจอ โดยหน้าจอของ Nook Color นั้นมีชื่อว่า VividView ซึ่งมีความละเอียด 1024×600 พิกเซล และสามารถแสดงผลได้ 16 ล้านสี คุณสมบัติสำคัญคือการที่เป็นจอสัมผัสแบบ Multitouch และมีการนำเทคโนโลยี IPS (In-Plane Switching) มาใช้ ซึ่งทำให้มุมมองที่ได้จะกว้างกว่าจอ LCD ทั่วๆ ไป แต่ยังสามารถคงคุณภาพของความสว่างและสีได้ดี
การที่ Nook Color ใช้จอภาพ LCD สี แทนที่จะเป็น e-ink เหมือนกับเครื่องอ่าน e-Reader ทั่วๆ ไปนั้น ทำให้สามารถรองรับการอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารรวมถึงหนังสือภาพ ซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถอ่านไฟล์ PDF และไฟล์เอกสารอื่นของ Microsoft Office ได้ อย่างไรก็ตามการเลือกใช้เทคโนโลยีจอ LCD แทน e-Ink แบบเดิมก็ทำให้ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นต้องสั้นลงไปด้วย
ส่วนลักษณะเฉพาะสำคัญสำหรับ e-Reader นั้น Nook Color ก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการย่อ-ขยายตัวอักษร ที่ทำได้ถึง 6 ขนาด การเลือกแบบตัวอักษร การปรับความห่างระหว่างบรรทัด รวมถึงสามารถเลือกสีพื้นและสีตัวอักษรให้เหมาะกับสภาพแสงในขณะนั้นได้ โดยในขณะที่อ่านหนังสืออยู่นั้นเราสามารถทำไฮไลท์คำเพื่อหาคำแปลในดิกชันนารีได้เลย หรือจะค้นหาคำในกูเกิลหรือวิกิพีเดียก็สามารถทำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะยิ่งง่ายขึ้นด้วยหน้าจอระบบมัลติทัช <nook6>
เตือนกันนิดนึง Nook Color ยังไม่รองรับภาษาไทย ที่พอจะใช้งานได้ก็คือการอ่านเอกสาร PDF ภาษาไทยเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันตลาดหนังสือในไทยก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนมาบุกตลาด e-book มากขึ้น ฉะนั้น e-Reader ที่มีคุณสมบัติไม่ต่างกับแท็บเล็ตจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้ Nook ขึ้นนำ Kindle ได้เป็นครั้งแรก