ผลงานเขียนลงนิตยสาร E-Commerce magazine, ปัจจุบัน กลยุทธ์ที่องค์กรและผู้ประกอบการใช้กันมากที่สุด คือการสร้างประสิทธิภาพในการผลิตและการให้บริการ แต่สภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันอาจจะทำให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายมีผลกระทบไปถึงทุน ในการจัดหาทรัพยากรที่ใช้ผลิต
องค์กรบางแห่งหันไปใช้ Open Source เพื่อลดทุนในด้านซอฟต์แวร์หนักๆ จำพวกระบบปฏิบัติการ (Operating system) หรือซอฟต์แวร์พวก Web Service ต่างๆ แต่ก็ยังเกิดข้อจำกัดในด้านความต้องการของผู้ใช้งานที่มีจำกัด และทรัพยากรที่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ในการประมวลผล
Cloud computing เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายๆ ด้าน แม้ช่วงนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรมระบบ แต่ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ทั้งด้านความต้องการของผู้ใช้และทรัพยากรที่จำกัด เช่น ผู้ใช้งานระบบต้องการพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ความเร็วในการประมวลผล และติดต่อลูกค้า Cloud computing จะเข้ามาทำการประมวลผลตามความต้องการทั้งเรื่องของพื้นที่ และสามารถจำกัดความเร็วในการประมวลผลให้ตรงความต้องการของผู้ใช้งานที่ร้อง ขอไป
โดยให้คอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงและแบ่งกันประมวลผล ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ร่วมประมวลผลหลายๆ เครื่องไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน แต่เชื่อมต่อกันผ่านระบบเครือ-ข่ายแบบกริด (Grid) คอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลในกลุ่มที่เราเรียกว่า Cloud นี้ อาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มีระบบปฏิบัติการและทรัพยากรเหมือนกัน และหน้าจอของผู้ใช้งาน (User Interface) จะแสดงผลที่รวดเร็วตามความต้องการของระบบที่ร้องขอไป โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า เบื้องหลังนั้นระบบจะทำงานกันอย่างไร)หากมองย้อนกลับไป Cloud computing หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆนั้น เคยผ่านตาเรามาบ้างหรือไม่ ให้พิจารณาที่ Google Application ที่เห็นชัดเจนที่สุดคงจะเป็น Google Earth, Google Maps และ Google Docs ซึ่ง Google Earth หากเรา เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเมื่อไร เราสามารถชมภาพถ่ายดาวเทียมผ่าน Application ตัวนี้ ถัดมา Google Maps เป็น Platform Application ที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการค้นหาสถานที่และลักษณะทางภูมิศาสตร์ ทั้งยังมี Feature ตั้งแต่การหาเส้นทาง หาตำแหน่งพิกัดที่ตั้งขององค์กร หรือสถานที่ที่เราต้องการ สุดท้าย Google Docs เป็น Application ที่จำลองโปรแกรมด้าน Office Platform โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ
Application ทั้งหมดทำงานผ่าน Browser ตอบโจทย์ด้าน Cloud computing ได้ชัดเจนที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาจัดสรรทรัพยากร ประหยัดงบบริษัทเพราะไม่ต้องหาซอฟต์แวร์ด้าน Office มารองรับ สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับซอฟต์แวร์ด้าน Office Platform มาตรฐานทีเดียว
หากพิจารณา Google Application ทั้งหลายแล้ว เป็นระบบที่ใหญ่และทำงานหนักพอสมควร แต่เวลาที่ประมวลผลใช้เวลาน้อยนิด ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้งอะไรมากมายนอกจาก Browser มาตรฐานที่เราใช้กันเป็นประจำ ผนวกกับเทคโนโลยี Web 2.0 ทำให้ระบบจัดสรรผู้ใช้งานในปริมาณมาก ไม่เกิดช่องว่างระหว่างการประมวลผล ขยายผู้ใช้งานได้เรื่อยๆ หากเกิดความต้องการในการใช้ระบบหรือที่เรียกว่า Scalability
ข้อดีในส่วน นี้ ทำให้แยกการทำงานของผู้ใช้ และการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ร่วมประมวลผลผ่านเครือข่าย Cloud อย่างชัดเจน การแสดงผลที่ปรากฏจึงดูเสถียรและมีประสิทธิภาพ
Cloud computing จะเป็น Business Model ที่ยอมรับจากหลายบริษัท เพราะนอกจาก Application ที่จำลองการทำงานของซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ (Virtualized) แล้วในต่างประเทศยังมีหลากหลายองค์กรที่พยายามหรือทำการพัฒนาระบบปฏิบัติการ เสมือน หรือระบบจำลอง Operating System ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่รองรับธุรกิจ
กลุ่มเป้าหมายที่เห็นได้ชัด คือกลุ่มธุรกิจขนาดย่อมที่มีทุนไม่มากนักในการติดตั้งระบบปฏิบัติการ ตัวอย่างการจำลองระบบปฏิบัติการ ที่สามารถยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ดีที่สุด น่าจะเป็น Open Source ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า EyeOs ซึ่งเป็นระบบ Web Base Operating System ซึ่งมีหน้าจอการทำงานที่ใกล้เคียงระบบปฏิบัติการหลักๆ อย่าง Microsoft Windows หรือ Linux เลยทีเดียว
โดยคุณสมบัติการทำงานของ EyeOs นั้นจำลองความสามารถทุกอย่างที่ระบบปฏิบัติการมาตรฐานมี ตั้งแต่การ Upload รูปภาพไปไว้บนหน้าจอ Desktop ของ EyeOs เล่น Game และ Chat ผ่านเครือข่ายกับกลุ่มเพื่อน สร้าง Document ผ่าน Text Editor บนระบบ สามารถเปิด Browser ภายใน EyeOs ผ่าน Browser อีกที และที่สำคัญลูกเล่นที่น่าสนใจ คือมีระบบ FTP (File Transfer Protocol) อย่างง่ายในตัว สามารถเชื่อมต่อและ Upload ไฟล์งานที่แก้ไข โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดโปรแกรมบนเครื่องของเรา
หากต้องการทดลองระบบปฏิบัติการผ่าน Browser ตัวนี้สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://eyeos.org หรือผู้เขียนได้ติดตั้งไว้ให้ทดสอบที่ http://space.daydev.com
ใน อนาคตอันใกล้ หาก Cloud computing เป็นที่ยอมรับเมื่อใดแล้ว เทรนด์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเราจะเปลี่ยนไป ไม่แน่ในวันข้างหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราอาจจะเหลือแค่ Browser เพียงโปรแกรมเดียว และระบบปฏิบัติการที่เราใช้งานกันนั้นอาจจะย้ายไปประมวลผลผ่านเครือข่าย Cloud เมื่อนั้นทุกอย่างที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันจะเข้าสู่คำว่า Online อย่างแท้จริง
บทความนี้ถูกเขียนลงนิตยสาร E-Commerce magazine ฉบับที่ 130 ตุลาคม 2552
บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ต จำกัด 42/38 ซอย โชคชัยร่วมมิตร ถนนวิภาวดีรังสิต |
แขวงจอมพล เขตจตุจักร |
กรุงเทพฯ |
10900 |